ถ้าให้คิดถึงสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดสตูล คนส่วนใหญ่คงต้องคิดถึงเกาะหลีเป๊ะ ภาพทะเลใสฟ้าสวยติดตราตรึงใจคนไทยรวมไปถึงชาวต่างประเทศที่ต่างดั้นด้นมา จ.สตูล เพื่อไปชมความงามของเกาะหลีเป๊ะ แต่จริงๆแล้วสตูลไม่ได้มีแค่หลีเป๊ะ สตูลยังมี “อุทยานธรณีสตูล” สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีคุณค่าจนองค์การยูเนสโก ได้มาขึ้นทะเบียนเป็น “อุทยานธรณีโลกของยูเนสโก” มีความน่าสนใจขนาดไหนเราตามไปชมกันครับ
ขอเปิดด้วยหนึ่งภาพประทับใจของผมจากทริปนี้ บ้านชาวประมง ณ ท่าเทียบเรือบ้านท่าอ้อย
เราเดินทางมาจังหวัดสตูลโดยทางเครื่องบินใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงมาลงเครื่องที่สนามบินตรัง จากนั้นใช้เวลาชั่วโมงเศษๆ เราก็มาถึงจุดหมายแรก “สำนักงานอุทยานธรณีสตูล” อ.ทุ่งหว้า ทุกวันนี้การเดินทางมาจังหวัดสตูลสะดวกสบายมาเลย ถนนหนทางสวยงามสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ผมเป็นคนที่เดินทางบ่อยมากพักผ่อนน้อย ผมมักใช้จังหวะบนรถตู้ในการพักผ่อนเสมอๆ แต่ที่นี่ผมนั่งในรถมองถนนหนทางไปเรื่อยๆ ระยะเวลาชั่วโมงเศษแพ๊บเดียวเอง เสียดายที่ไม่มีโอกาสถ่ายรูปมาให้ชมกัน
องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานธรณีสตูล เป็นอุทยานธรณีโลก หรือ Satun UNESCO Global Geopark แห่งแรกของประเทศไทย เป็นอุทยานธรณีโลกประเทศที่ 36 ของโลก และเป็นแหล่งที่ 5 ของอาเซียน สำหรับ “อุทยานธรณีสตูล” (Satun Geopark) มีพื้นที่ครอบคลุม 2,597 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุม 4 อำเภอในจังหวัดสตูล ได้แก่ อำเภอเมือง ทุ่งหว้า มะนัง และละงู ประกอบด้วยแหล่งที่มีคุณค่าทางธรณีวิทยามากกว่า 70 แห่ง ทั้งบนบกและในทะเล อาทิ ถ้ำเลสเตโกดอน ถ้ำภูผาเพชร ถ้ำเจ็ดคต น้ำตกธารปลิว หินเขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะหงาย เกาะไข่-หาดหินงามแห่งหมู่เกาะตะรุเตา ทะเลแหวกเกาะหว้าหิน-เกาะลิดีเล็ก เป็นต้น
อาหารเที่ยงจัดกันที่สำนักงานอุทยานธรณีสตูลแห่งนี้เลย เป็นอาหารมื้อแรกของเราสำหรับทริปนี้ เป็นอาหารถิ่นชาวใต้หน้าตากับข้าวบ้านๆมากกก กับข้าวบางอย่างผมก็ไม่รู้จักชื่อเลย แต่ขอบอกเลยว่าอาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดสำหรับผมในทริปนี้เลย
หลังจากได้คามรู้ที่มาที่ไปเกี่ยวกับการได้ขึ้นทะเบียนเป็น อุทยานธรณีโลกของยูเนสโก ของ อุทยานธรณีสตูล กันมาแล้ว ก็ได้เวลาไปลงพื้นที่จริงกัน จุดแรกที่เราจะไปกันคือ ถ้ำเลสเตโกดอน อำเภอทุ่งหว้า
ถ้ำเลสเตโกดอน อำเภอทุ่งหว้า เป็นถ้ำที่มีความยาวกว่า 3 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางมีหินงอกหินย้อยที่มีความสวยงาม และมีความโดดเด่นทางธรณีวิทยาโดยมีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์จำนวนมาก ที่สำคัญหนึ่งในนั้นคือฟอสซิลช้างสเตโกดอน อายุ 1.8 ล้านปี และเป็นสถานที่ที่มีการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนท้องถิ่นเอง
เจ้าหน้าที่พร้อม นักท่องเที่ยวใส่ชุดชูชีพพร้อม ออกเดินทางกันเลยย...
ภายในถ้ำมืดมากนะครับสำหรับนักถ่ายรูปควรเตรียมแฟลชแยกหรือไฟต่อเนื่องเพื่อช่วยในการถ่ายรูป
วันที่เรามานี้ระดับน้ำค่อนข้างต่ำทำให้บางช่วงต้องลงเดิน
มีหินงอกหินย้อยที่สวยงามให้เราได้ชมอยู่เป็นระยะๆ จนสุดปลายทางของถ้ำซึ่งเป็นทะเล
จากนั้นเราต้องนั่งเรือยนต์กลับขึ้นฝั่งที่ท่าเทียบเรือบ้านท่าอ้อย
บรรยากาศยามเช้า ณ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จุดชมวิวนี้อยู่ติดกับที่พักของเราเลยเดินแค่ไม่กี่ก้าวเอง จากนั้นเราก็เดินเลาะเขาโต๊ะหงายไปยังสะพานข้ามกาลเวลา
ไม่ไกลนักเราก็เดินมาถึงยังสะพานข้ามกาลเวลา ก้อนหินบริเวณนี้เป็นหินที่มีสีแดงชาวบ้านแถบนี้นำไปผูกกับตำนานนางเลือดขาว “มัสสุหรี” ว่าเลือดของนางเมื่อลอยขึ้นฟ้าข้ามมาจากเกาะลังกาวีมาตกบริเวณนี้เลือดกลับกลายเป็นสีแดงทำให้หินบริเวณนี้เป็นสีแดง แต่จากหลักฐานด้านธรณีวิทยาอธิบายว่านี้คือหินทรายสีแดงยุคแคมเบรียน
จากจุดเริ่มต้นของเราที่มีหินทรายสีแดงยุคแคมเบรียน(อายุประมาณ 500ล้านปี) เมื่อเราเดินตามสะพานมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณป้ายเขตข้ามกาลเวลา ณ จุดนี้ก้อนหินจะเริ่มเปลี่ยนเป็นหินปูนสีเทายุคออร์โดวิเชียน(อายุประมาณ400ล้านปี) นี่จึงเป็นที่มาของ “เขตข้ามกาลเวลาเขาโต๊ะ” อะเมซิ่งมากกก...
ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของสะพานที่เป็นหินปูนสีเทายุคออร์โดวิเชียน
จากนั้นเราก็เดินทางมาลงเรือที่ท่าเรือบ้านบ่อเจ็ดลูก เพื่อไปชมปราสาทหินพันยอด และอ่าวฟอสซิล
พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลย....
ไม่ถึง 20นาทีเราก็มาถึงปราสาทหินพันยอด เดี๋ยวเราจะต้องพายเรือคายัคทะลุเขาหินที่อยู่ตรงหน้าเราเข้าไป ห๊า!!! จริงดิ
ซูมกันใกล้ๆ ที่แท้เขาหินนี้มีทางเข้าออกได้ มีหลายทางด้วยนะ
ภาพจากด้านในจะเห็นชัดเจนว่ามีทางเข้าออกมากกว่าหนึ่งทาง จริงๆ ยังมีทางเข้าออกอีกทางอยู่ด้านขวามือของรูปนี้ คนพายเรือพาผมออกทางนั้นตอนขากลับ
นี้เป็นภาพจากเว็บไซด์ http://www.satun-geopark.com ตามลูกศรสีแดงคือจุดที่เราพายเรือคายัคเข้าไป โพรงนี้เกิดจาก เมื่อหลายล้านปีก่อนน้ำใต้ดินได้กัดเซาะและละลายหินปูนที่อยู่ใต้ดินจนเกิดเป็นรูโพรงมากมาย โพรงได้ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ จนเชื่อมต่อกันเป็นโพรงขนาดใหญ่ ต่อมาหินปูนถูกยกตัวขึ้นกลายเป็นเทือกเขาหินปูนเกาะเขาใหญ่ เพดานของโพรงถูกน้ำกัดเซาะจนบางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งรับน้ำหนักไม่ไหวจึงเกิดการยุบตัวลงมากลายเป็นหลุมอยู่ในภูเขา ส่วนด้านบนที่ยังเหลือมีการกัดเซาะของหินที่ไม่เท่ากันจึงเกิดเป็นยอดแหลมมากมาย จึงเป็นที่มาของชื่อ “ปราสาทหินพันยอด” นั่นเอง
จุดต่อไปของเราคือ อ่าวฟอสซิล พอมาถึงเราก็ปูเสื่อทานอาหารกลางวัน ที่จัดโดยเรือนำเที่ยวกันก่อนเลย เป็นอาหารพื้นทางใต้ รสชาติอร่อยไม่แพ้มื้อแรกที่อุทยานธรณีสตูลจัดให้กินเลย เสียดายว่าไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ชมกัน พออิ่มหนำกันแล้วเราก็เดินไปชมฟอสซิลนอติลอยด์ ระยะทางประมาณ 300เมตร จากจุดจอดเรือ
นอติลอยด์ เป็นสัตว์จำพวกหอยกลุ่มเดียวกับหมึก ลำตัวภายในเปลือกจะมีช่องว่างที่มีผนังปิดแบ่งเป็นห้องๆ มีท่อกลางลำตัวทะลุเชื่อมห้องว่างทุกห้องในเปลือก ลักษณะเปลือกมีทั้งแบบเป็นแท่งตรงคล้ายกรวยและแบบม้วนขดเกลียวเป็นวง มีอายุประมาณ 470 ล้านปี
พอขึ้นเรืออาบน้ำอาบท่าเสร็จ อาหารทะเลหน้าตาดีรสชาติอร่อยของร้าน “ปากน้ำซีแอนด์ฟิชชิ่งทัวร์” ก็พร้อมให้เราได้รับประทานกันทันที
ปิดท้ายกันด้วย โรตีร่างแห กินกับนม สังขยา ต้องขอบอกว่า หร่อยจังฮู้...
เดินทางมาครบถ้วนตามโปรแกรมท่องเที่ยวอุทยานธรณีสตูลทริปนี้แล้วครับ อยากบอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดของทริปนี้อะเมซิ่งสำหรับผมมากเลย อุทยานธรณีสตูลยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามน่าทึ่งอีกมากมาย ไว้โอกาสต่อไปคงได้ไปนำภาพกลับมาให้ชมกันอีกครับ ลากันด้วยภาพเรือประมงจากอ่าวนุ่น แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า สวัสดีครับ...
มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ชวนเที่ยวงาน “สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11” “WINTER WONDERDOI ปล่อยใจ ปล่อยจอย ในดินดอยมหัศจรรย์ DoiTung x NEWYEAR”
กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ “Pattaya International Jazz Festival 2024” “เมืองพัทยา” นำเสนอศิลปินระดับโลก Ronan Keating พลาดไม่ได้ 6 - 7 ธันวาคม 2567 ณ ริมชายหาดพัทยากลาง จ.ชลบุรี
SIAM FANTASY @ ASIATIQUE The world class cultural and martial art show
อันอัน เหลา อาหารจีนเบตงระดับตำนาน
ห้องอาหารเปรมประชากร โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น
Edo Japanese Restaurant บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น สุดพรีเมียม อิ่มจุกสะใจ!!
Le Khwam Luck Cafe Bar & Restaurant
ลีญอง เฟรนช์ ควิซีน อาหารฝรั่งเศสขนานแท้ในบรรยากาศอบอุ่น นั่งสบาย
“Chyna by Tommy Tang” ร้านอาหารระดับ Global Cuisine โดย Tommy Tang สุดยอดเชฟเซเลบฯ ระดับตำนานของดาราฮอลลีวู้ด