ไหว้พระ 9 วัด จังหวัดเพชรบุรี

 จังหวัดเพชรบุรีมีวัดสำคัญๆ อยู่มากมาย ทั้งวัดที่มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ วัดที่เป็นที่จำพรรษาของพระเกจิชื่อดัง วัดที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งวัดที่มีความสวยงาม





 “วัดมหาธาตุวรวิหาร” จังหวัดเพชรบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะสร้าง สมัยทวารวดี - สุโขทัย มีอายุราว 800 - 1,000 ปี โดยประมาณ เนื่องจากขุดพบซากอิฐสมัยทวารวดีอยู่เป็นจำนวนมาก มีผู้กล่าวว่าวัดมหาธาตุวรวิหารน่าจะเคยเป็นวัดที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นพระอารามหลวงมาก่อน ต่อมาชำรุดทรุดโทรมลง จนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2459

วัดมหาธาตุวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณคดี ภายในพระวิหารหลวงของวัดประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ คือ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดมหาธาตุ ด้านหลังพระวิหารหลวง คือ พระปรางค์ 5 ยอด อยู่ภายในวิหารคต ทางด้านทิศใต้ของพระวิหารหลวง คือ พระวิหารน้อย และวัดมหาธาตุวรวิหารยังได้สร้าง พิพิธภัณฑ์ของวัด เป็นที่รวมรวมศิลปะ ความเป็นมาต่าง ๆ ของวัดไว้ให้ผู้สนใจได้เข้าชม

 “วัดเขาตะเครา” เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อทองวัดเขาตะเครา พระพุทธรูปปางมารวิชัยสูง 29 นิ้ว หน้าตักกว้าง 21 นิ้ว ที่เชื่อกันว่าเป็นพระพี่พระน้องกับหลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา หลวงพ่อบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงครามและบางเรื่องเล่ายังบอกว่าเป็นพระพี่พระน้องกับหลวงพ่อบางพลีใหญ่และหลวงพ่อวัดไร่ขิงที่นครปฐมอีกด้วย

การค้นพบหลวงพ่อทองวัดเขาตะเครานั้นมีเรื่องเล่าว่าชาวประมงบ้านแหลมได้ตีอวนที่ปากอ่าวและเจอพระพุทธรูปสององค์ องค์หนึ่งเป็นพระยืนปางอุ้มบาตร อีกองค์หนึ่งเป็นพระปางมารวิชัยซึ่งชาวบ้านแหลมได้นำพระยืนไปประดิษฐานที่วัดบ้านแหลมซึ่งปัจจุบันคือวัดเพชรสมุทรวรวิหารและอีกองค์หนึ่งมอบให้ชาวบางตะบูนนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเคราแห่งนี้นั่นเอง
 



ทั้งนี้เดิมทีนั้นหลวงพ่อทองวัดเขาตะเคราประดิษฐานอยู่ในวิหารยอดเขา ส่วนพระอุโบสถนั้นมีหลวงพ่อเทวฤทธิ์เป็นพระประธาน ต่อมาภายหลังได้มีการอัญเชิญหลวงพ่อทองลงมาประดิษฐานเป็นพระประธานองค์ที่สองรองจากหลวงพ่อเทวฤทธิ์ ซึ่งว่ากันว่าองค์ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถเป็นหลวงพ่อทององค์จำลองส่วนองค์จริงนั้นประดิษฐานอยู่ที่อาคารรับรองด้านล่าง

 



เขาตะเครา เขาลูกเล็กๆ อันเป็นสถานที่ตั้งของวัดเขาตะเคราแห่งนี้ ทางเข้าวัดจะมองเห็นป้ายชื่อวัดศาลา ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นบนยอดเขาจะมองเห็นพระมหาเจดีย์สีทอง เป็นเจดีย์เก่าแก่คู่วัดเขาตะเครา นอกจากนั้นก็ยังมีวิหารหลวงปู่หมอที่ว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หากเป็นโรคภัยไข้เจ็บใดรักษาไม่หาย ก็จะมาขอพรหลวงปู่หมอ ว่ากันว่าหายได้อย่างอัศจรรย์



 “พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ” อยู่ภายใน วัดข่อย ต.คลองกระแชง อ.เมือง เพชรบุรี มีความสวยงาม จนเรียกได้ว่า เป็น พุทธสถานศิลป์ หนึ่งเดียวในโลก แนวคิดในการก่อสร้างเริ่มจากปี 2548 โดยพระวัชรวิชญ์ สิริปัญโญ ในสมัยนั้นยังเป็น ฆราวาสได้มีโอกาสเห็นผ้ายันต์ฉิมพลีของ วัดท่าไชยศิริ อ.บ้านลาด จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะสร้างพระธาตุตามแบบผืนผ้ายันต์ ต่อมาในปี 2554 จึงโอกาสสร้างถาวรวัตถุแห่งนี้ขึ้น เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมกับเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมเจริญจิตภาวนา

สถาปัตยกรรมของพระธาตุ ฉิมพลีฯ  มีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด อาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ผนังด้านนอกมีอักขระแบบบนผืนผ้ายันต์ มีพระพุทธรูปประจำอยู่ 4 ทิศ ภายในพระธาตุมีพระประธาน 3 องค์ พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิด้านซ้าย พระพุทธมิ่งมงคล ตรงกลาง พระสิวลี ข้างบนเพดาน เห็นผนังทั้งสี่ด้านแกะสลักเป็นตัวอักขระขอมบท พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เหนือบริเวณพระประธาน ชั้นที่สอง ประดิษฐานพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ และยังคงลวดลายยันต์ โภคทรัพย์ที่ผนังทั้ง 4 ด้าน ชั้นสองนี้อนุญาตเพศชายขึ้นไปได้เท่านั้น ชั้นที่สาม ซุ้มเรือนยอด ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ในบุษบก 5 ยอด ลงรักปิดทอง ชั้นนี้ไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปและฆราวาส ขึ้นไป

 “วัดเขาบันไดอิฐ” สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา เป็นวัดที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์มากมาย ตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ยุคแผ่นดินพระบรมราชาที่ 2 พระเชษฐาธิราช กล่าวกันว่าวัดถ้ำเขาบันไดอิฐแห่งนี้คือที่คุมขังของพระศรีศิลป์ ผู้สืบเชื้อสาย พระเจ้าทรงธรรมที่เตรียมการซ่องสุมผู้คนเพื่อก่อการกบฏ

ส่วนอีกตำนานเล่าว่าวัดนี้เคยเป็นที่วิปัสสนา กัมมัฏฐานของพระอาจารย์แสง ผู้เป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าเสือ โดยเชื่อกันว่าพระอาจารย์แสงท่านนี้ เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเวทย์มนต์คาถา จึงเดินทางมาธุดงค์อยู่ที่วัดเขาบันไดอิฐแห่งนี้ ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
 



อีกหนึ่งเรื่องราวของวัดเขาบันไดอิฐคือเป็นที่วิปัสสนาของพระอาจารย์เหลือที่เชื่อว่าเป็นผู้เก่งกล้าในอาคมยิ่งนัก ทหารเมืองเพชรจะไปรบครั้งใดจำต้องขอผ้ายันหรือตะกรุดโทนหรือไม่ก็สักยันต์ลงกระหม่อม รดน้ำมนต์จากท่านเพื่อให้เกิดความขลังและแคล้วคลาดจากศึกสงครามครั้งนั้น

 



ปัจจุบันวัดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรีที่มีชื่อเสียง หน้าบันพระอุโบสถที่สวยงามสะท้อนความละเมียดละไมของสกุลช่างเมืองเพชรที่สามารถ สร้างสรรค์ปูนปั้นได้น่าดูชมยิ่งนัก โดยเป็นรูปลายกนกเปลวพลิ้วล้อมรูปครุฑ

 



ภายในวัดมีถ้ำที่มีความน่าสนใจหลายถ้ำ ได้แก่ ถ้ำประทุน ถ้ำพระเจ้าเสือ ซึ่งเชื่อว่าพระเจ้าเสือเคยเสด็จ มาเยี่ยมพระอาจารย์แสงถึงถ้ำนี้ แล้วได้ถวายพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทรประดิษฐานไว้ ถ้ำพระพุทธไสยาสน์ ที่ไม่เพียงประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ หากบริเวณซอกผนังถ้ำยังมีประทุนเรือ ทำด้วยไม้เก่าแก่ กล่าวกันว่าเป็นประทุนเรือที่พระเจ้าเสือเคยถวายพระอาจารย์แสง นอกจากนี้ ยังมีถ้ำพระอาทิตย์ ถ้ำพระจันทร์ ถ้ำสว่างอารมณ์ ถ้ำช้างเผือก และถ้ำดุ๊คซึ่งเรียกชื่อว่า ดยุคโยฮันฮัลเบิร์ตผู้สำเร็จราชการเมืองปอร์นสวิค ประเทศเยอรมัน ผู้เคยมาเยือนเพชรบุรีและชมถ้ำแห่งนี้




 “วัดถ้ำเขาหลวง” มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกเรื่องราวมาเป็นมาต่างๆ มากมาย อันสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนเพชรบุรีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้ว ยังมีศาสนสถานสำคัญ ๆ เช่น วัดวาอาราม โดยเฉพาะวัดถ้ำที่สร้างอยู่บนภูเขาน้อยใหญ่ทั่วจังหวัดเพชรบุรี

วัดถ้ำเขาหลวง สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์มีพระราชประสงค์จะสร้างวัดบนยอดเขา เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเสด็จประพาสมายังถ้ำแห่งนี้ และด้วยมีพระราชดำริว่าถ้ำเขาหลวงนี้ มีความวิจิตรงดงามด้วยมีหินงอกหินย้อยทั่วทั้งผนังถ้ำ ภายในยังมีช่องกว้างที่แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามากระทบแนวหิน ก่อให้เกิดความหลากหลายของสีสันภายในถ้ำ อีกทั้งโพรงหินที่แตกเป็นช่อง ทำให้มีอากาศเย็นสบายและไม่อับชื้น จนสามารถมองเห็นความสวยงามภายในถ้ำได้ทุกซอกทุกมุม

 “วัดถ้ำเขาย้อย” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาย้อย ใกล้ที่ว่าการอำเภอเขาย้อย ประมาณ กม.ที่ 136 บนทางหลวงหมายเลข 4 ก่อนถึงตัวเมืองเพชรบุรีประมาณ 22 กิโลเมตร ภายในถ้ำนี้มีพระพุทธรูปใหญ่น้อย หลายปางประดิษฐานอยู่ ในอดีตถ้ำเขาย้อยเคยเป็นถ้ำที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) มาปักกลดวิปัสสนาเมื่อครั้งพระองค์ผนวชด้วย

ภายในถ้ำเขาย้อยเมื่อเดินขึ้นบันไดมาจะพบกับโถงแรก มีพระพุทธไสยาสน์ เป็นพระประธาน ด้านหลังมีพระพุทธบาทซึ่งประดิษฐานอยู่ในมณฑป จากโถงแรกเดินไปทางซ้ายจะปากป่องถ้ำมีบันไดขึ้นไปได้ตามบันไดมีพระพุทธรูปปางต่างๆอยู่หลายองค์ ถัดจากทางขึ้นนี้เดินเข้าไปอีหน่อยจะมีโถงอีกหนึ่งโถง ปากทางมีรูปปั้นพระเจ้าอู่ทอง ตามทางเดินมีพระพุทธประจำวันเกิด ที่สุดถ้ำมีรูปปั่นเจ้าแม่กวนอิม และพระประธาน
 



บริเวณปากถ้ำด้านซ้ายมือมีซุ้มระฆังและศาลรัชมงคล ทางขวามือเดินไปเป็น "วัดเขาย้อย" ที่สร้างจากไม้สักทองทั้งหลัง ถัดจากวัดเขาย้อย เป็นโบสถ์หลังใหม่ที่สร้างขึ้นอย่างสวยงาม ด้านหน้าและโบสถ์มีปูนปั้นฝีมือช่างปั้นชาวเพชรบุรี


 “วัดในกลาง” เป็นวัดเก่าแก่มีอายุไม่น้อยกว่า 250 ปี เป็นวัดที่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสร้างเพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระมารดาซึ่งเป็นคนบ้านแหลม เจดีย์ อุโบสถแบบมหาอุด กุฏิ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ในวัดล้วนเป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย วัดนี้เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อสุโขทัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านตำบลบ้านแหลมและประชาชนทั่วไป

สถาปัตยกรรมเด่นของวัดในกลางคือ ศาลาการเปรียญ ซึ่งทำด้วยไม้สักทั้งหลัง ได้รับการบูรณะโดยถอดชิ้นส่วนเดิมมาซ่อมแซมแล้วประกอบขึ้นมาใหม่ตามแบบเดิม สันนิษฐานว่า แต่เดิมเป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยพระเจ้าท้ายสระ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯให้รื้อถอนจากอยุธยามาปลูกสร้างที่วัดในกลาง การก่อสร้างแบบโบราณใช้ลูกสลักเป็นเดือยในการยึดไม้ บางส่วนใช้ตะปูจีน เสาของศาลาการเปรียญมี 8 เหลี่ยม มีคันทวยแกะสลักสวยงามเป็นรูปหัวนาคครองรับชายคา ซึ่งคันทวยหัวนาคของศาลาการเปรียญวัดในกลางนั้น เป็นที่ยอมรับกันว่า มีรูปแบบและลวดลายการแกะสลักที่อ่อนช้อย งดงามและวิจิตรบรรจงมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง วัดต่าง ๆ ที่จะบูรณะหรือสร้างศาสนสถานใหม่มักจะนำรูปแบบของคันทวยของศาลาการเปรียญวัดในกลางไปเป็นแม่แบบเสมอ

 “วัดใหญ่สุวรรณาราม” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "วัดใหญ่" เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร เดิมชื่อว่า "วัดน้อยปักษ์ใต้"  เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้มีการบูรณะในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์เป็นภาพเทพชุมนุมศิลปะอยุธยาฝีมือช่างเมืองเพชรที่ประณีตอ่อนช้อย และเคยใช้เป็นฉากในภาพยนตร์เรื่องสุริโยทัย ภายในวัดมีอาคารสำคัญได้แก่

พระอุโบสถเป็นศิลปะอยุธยา มีภาพทวารบาล จิตรกรรมภาพเทพชุมนุมเรียงรายกัน 5 ชั้น จุดเด่นคือภาพยักษ์และอมนุษย์ทั้งหลายเป็นหน้าเนื้อ ไม่ใช่การวาดเหมือนสวมหัวโขนโดยทั่วไป พระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยรูปหล่อพระสังฆราชแตงโม หน้าบันเป็นงานรูปปั้นสมัยอยุธยาตอนปลายที่งามพลิ้วราวมีชีวิต วิหารคต
 



ศาลาการเปรียญ วัดใหญ่สุวรรณารามเป็นสถาปัตยกรรม-ศิลปกรรมยุคอยุธยาตอนปลาย สร้างด้วยไม้ผนังเป็นฝาปะกน ลงรักปิดทอง แต่การบูรณะผิดพลาดทำให้ถูกทาทับด้วยสีแดงทั้งหลัง เครื่องหลังคาเป็นโครงประดุชนิดมีจันทันต่อ มุงด้วยกระเบื้องกาบูแต่ด้วยการบูรณะที่ไม่ถูกต้องจึงมีการเทปูนตำ(ปูนโบราณ)ลงฉาบทั้งผืนหลังคา แต่ปูนตำเป็นปูนที่ใช้กะดาษฟางเป็นส่วนผสมจึงทำให้อมความชื้นและมีตะใคร่ขึ้นจับหลังคา ศาลาการเปรียญเดิมเป็นของเจ้าฟ้าพระขวัญ ตำหนัก ต่อมาพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือพระเจ้าเสือ รื้อมาถวายพระสังฆราชแตงโมโดยมีบานประตูแกะสลักที่งดงามและมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์และศิลปกรรมนั่นคือเป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย และที่บานประตูมีหลัก มีรอยแผลบนประตู ทำให้มีประตูแตก ชำรุดถาวร เรียกรอยพม่าฟัน แต่นักวิชาการให้ความเห็นว่า น่าจะเป็นการทำลายประตูตั้งแต่ครั้งรื้อตำหนักถวายสมเด็จเจ้าแตงโม (พระสุวรรณมุณี) พระสังฆราช เกี่ยวเนื่องกับเรื่องวิญญานเจ้าฟ้าพระขวัญ เจ้าของตำหนักเดิม ที่ถูกพระเจ้าเสือสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ เมื่อครั้งสมเด็จพระเพทราชาประชวรใกล้สวรรคต

 



หอเก็บพระไตรปิฏก เป็นอาคารไม้ผนังฝาปะกน รองรับด้วยเสาไม้ 3เสา จากแนวคิดที่ว่า พระไตรปิฎก ประกอบด้วย 3 ปิฎกคือ พระธรรมปิฏก พระไตรปิฏก และพระสุตันตปิฎก



 “วัดพระพุทธไสยาสน์” (วัดพระนอน) ตั้งอยู่เชิงเขาวังด้านทิศใต้ เป็นวัดเก่าแก่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา

ภายในวัด ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่มีลักษณะงดงามและมีขนาดใหญ่ 1 ใน 4 ของประเทศ (ยาว 21 วา 1 ศอก 7 นิ้ว) สร้างด้วยอิฐตลอดทั้งองค์และลงรักปิดทอง ด้านหลังองค์พระอยู่ติดกับภูเขา บริเวณฝ่าพระบาทของพระพุทธไสยาสน์จะมีมงคล108 พระพุทธไสยาสน์ เดิมสร้างไว้กลางแจ้ง ต่อมาสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวิหารคลุมไว้ สำหรับพระวิหารมีผนังเพียง 3 ด้าน อีกด้านหนึ่งอยู่ติดกับเขาวัง ผนังจึงเป็นส่วนของภูเขา
 



ถัดจากวิหารพระนอน มีวิหารพระพุทธฉาย วิหารขนาดเล็กๆ รูปทรงแปลกๆ ดูภายในวิหารมีเขียนภาพพระพุทธฉายจำลองขนาดสูงใหญ่ทีผนังด้านหนึ่ง


    News


    มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ชวนเที่ยวงาน “สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11” “WINTER WONDERDOI ปล่อยใจ ปล่อยจอย ในดินดอยมหัศจรรย์ DoiTung x NEWYEAR”


    กลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ “Pattaya International Jazz Festival 2024” “เมืองพัทยา” นำเสนอศิลปินระดับโลก Ronan Keating พลาดไม่ได้ 6 - 7 ธันวาคม 2567 ณ ริมชายหาดพัทยากลาง จ.ชลบุรี


    ททท. ชวนเปิดประสบการณ์สุขท้าลอง 5 MUST DO @Chanthaburi

    Travels


    SIAM FANTASY @ ASIATIQUE The world class cultural and martial art show


    Agent Trip อุทัยธานีเมืองน่าเที่ยว


    นั่งรถไฟ...ไปล่องแก่งหินเพิง

    Hotels


    The Oasis Spa Bangkok Sukhumvit 31


    Zantiis Ndol Villas MUAKLEK-KHAOYAI


    ที่พักเขาค้อ 3แบบ..3สไตล์

    Food&Drinks


    อันอัน เหลา อาหารจีนเบตงระดับตำนาน


    ห้องอาหารเปรมประชากร โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น


    Edo Japanese Restaurant บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น สุดพรีเมียม อิ่มจุกสะใจ!!


    Le Khwam Luck Cafe Bar & Restaurant


    ลีญอง เฟรนช์ ควิซีน อาหารฝรั่งเศสขนานแท้ในบรรยากาศอบอุ่น นั่งสบาย


    “Chyna by Tommy Tang” ร้านอาหารระดับ Global Cuisine โดย Tommy Tang สุดยอดเชฟเซเลบฯ ระดับตำนานของดาราฮอลลีวู้ด

    ติดต่อโฆษณาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
    email : charoen70@gmail.com


    ออกแบบโดย touronthai