ถวายเทียนพรรษา พาชิมทุเรียน ราชบุรี

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานราชบุรี ร่วมกับ บริษัท เมืองไทยครีเอทีฟ แอนด์ ทัวร์ จำกัด จัดกิจกรรม “ถวายเทียนพรรษา พาชิมทุเรียน ราชบุรี” เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 โดยมีคณะนักท่องเที่ยวจากบริษัท เมืองไทย ครีเอทีฟ จำนวน 50 คน เป็นเส้นทาง One Day Trip ถวายเทียนพรรษา 3 วัด พากินทุเรียนราชบุรี เส้นทาง วัดลาดบัวขาว-วัดถ้ำน้ำ-วัดถ้ำสติ-ไร่พรหมรัศมี-สวนนิลมังกร -ก่องกานต์คาเฟ่

คณะนักท่องเที่ยว “ถวายเทียนพรรษา พาชิมทุเรียน ราชบุรี” เริ่มต้นออกเดินทางจากโรงแรม เดอะ บาซาร์ แบงค็อก รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยมีจุดหมายปลายทางแรกคือ “วัดลาดบัวขาว” โดยมี นางสาวปิยพัชร์ วงศ์โดยหวัง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานราชบุรี รอให้การต้อนรับคณะนักท่องเที่ยว จากนั้นคณะฯได้ร่วมถวายเทียนพรรษาแด่พระสงฆ์ โดยมีพระปลัด อนุวัฒน์ อนาวิโล เป็นเจ้าอาวาส วัดลาดบัวขาวเป็นผู้ทำพิธีถวายเทียนพรรษา

(ซ้าย) นางสาวปิยพัชร์ วงศ์โดยหวัง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานราชบุรี (ขวา) นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ บริษัท เมืองไทย ครีเอทีฟ และ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.)

“ท้าวเวสสุวรรณ วัดลาดบัวขาว” สูงประมาณ 10 เมตร ในทางพระพุทธศาสนา เชื่อกันว่าเป็นเทพที่มีฤทธิ์มาก และยังเป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในเทพผู้ทำหน้าที่จตุโลกบาล โดยเฉพาะการพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนา พวกเรากราบสักการะขอโชคลาภ การเงิน การงาน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ป้องกันตัว และเสริมบารมี

วัดลาดบัวขาว เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลลาดบัวขาว อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ทิศเหนือจดแม่น้ำแม่กลอง ปัจจุบันพระปลัด อนุวัฒน์ อนาวิโล เป็นเจ้าอาวาส

วัดลาดบัวขาวจัดตั้งเมื่อ พ.ศ. 2420 เดิมชื่อ วัดท่าวัว เนื่องจากบริเวณที่สร้างวัดติดกับท่าน้ำ ชาวบ้านมักนำฝูงวัวลงอาบน้ำอยู่เป็นประจำ ต่อมา พ.ศ. 2489 สมัยพระครูวิจิตรสารคุณ เจ้าอาวาสได้เปลี่ยนชื่อวัดตามตำบลเป็น "วัดลาดบัวขาว" ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2478

จากนั้นคณะฯ เดินทางมาถวายเทียนพรรษาที่วัดถ้ำน้ำ อำเภอโพธาราม โดยมี พระอธิการพนอ วรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดถ้ำน้ำ เป็นผู้ทำพิธีถวายเทียนพรรษา

หลังถวายเทียนพรรษาแล้ว คณะฯ ได้เข้าชมถ้ำน้ำ ภายในถ้ำมีลำธารไหลผ่าน มีสะพานเดินชมความงามของถ้ำ ซึ่งตลอดเส้นทางมีพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบสักการะ ไม่ว่าจะเป็นพญานาค พระพุทธปางไสยาสน์ พระสิวลี รูปปั้นฤาษี ท่านท้าวพยายม ภาพที่เกิดจากธรรมชาติบนผนังถ้ำที่มีลวดลายและรูปร่างเหมือนเจ้าแม่กวนอิมมาก องค์เจ้าแม่กวนอิม และพญาครุฑ ส่วนด้านบนสูงสุดของถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปหลวงพ่อดำและพระพิฆเนศ นอกจากนี้ภายในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยเปล่งประกายระยิบระยับสวยงาม โดยเสาหินที่ตั้งอยู่บริเวณกลางถ้ำ สันนิษฐานว่าเกิดจากการน้ำที่บนเพดานถ้ำหยดกลายเป็นเสาหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่ แต่ช่วงนี้ถ้ำน้ำจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น

วัดถ้ำน้ำแห่งนี้มีประวัติความเป็นมาว่า คืนหนึ่งหลวงเงิน ขันติโก อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำน้ำ นั่งสมาธิก็เห็นถ้ำน้ำเป็นถ้ำเงียบสงบเหมาะกับการนั่งกรรมฐาน ท่านก็เลยตามหาถ้ำน้ำแห่งนี้ แล้วก็พบตามที่เห็น หลวงพ่อเงินนั่งสมาธิกรรมฐานภายในถ้ำน้ำอยู่นานพอสมควร ก็เห็นว่าถ้ำน้ำนี้มีน้ำไหลผ่านตลอดเวลาไปออกลำคลองใช้เรื่องการเกษตรของชาวบ้าน ต่อมาจึงได้ร่วมกับชาวบ้านในละแวกบ้านใกล้เคียงพัฒนาถ้ำน้ำให้เป็นวัดถ้ำน้ำขึ้นมา แล้วพัฒนากลายเป็นถ้ำน้ำที่สวยงาม พวกเรากราบสรีระสังขารของหลวงพ่อเงิน ขันติโก อดีตเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าไม่เปื่อย

ต่อด้วยการถวายเทียนพรรษาที่ วัดป่าพุทธารามหรือวัดถ้ำสติ อำเภอโพธาราม โดยมีหลวงพ่อสุรินทร์ รตนโชโต เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธาราม เป็นผู้ทำพิธีถวายเทียนพรรษา

หลังถวายเทียนพรรษาแล้ว คณะฯ ได้เข้าถ้ำเพื่อกราบสักการะพระพุทธะมหาคันธาราช (พระนั่งเมืองแก้ว) พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ประทับนั่งห้อยพระบาทวางไว้บนดอกบัว รูปแบบสมัยทวารวดี มีความสูงประมาณ 3 เมตร 9 เซนติเมตร เป็นพุทธรูปหินแกะสลักจากหินแกรนิตผนังถ้ำซึ่งเป็นหินธรรมชาติอายุหลายพันปี ใช้เวลาแกะสลักราว 6 ปี ถือว่าเป็นพระพระพุทธรูปหินแกะสลักแบบลอยตัวติดกับตัวถ้ำแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นแห่งที่ 2 ของโลก (องค์แรกอยู่ที่ประเทศศรีลังกา) และเป็น Unseen แห่งใหม่ของอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี การกราบสักการะพระนั่งเมืองแก้ว มีความพิเศษของการไหว้ขอพรก็คือ ผู้มาสักการบูชาต้องก้มกราบระหว่างพระบาท จากนั้นลอดใต้พระเพลา(ขา) เวียนขวา 3 รอบ เพื่อให้ได้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา

วัดป่าพุทธาราม หรือ ถ้ำสติ เดิมเป็นที่พำนักสงฆ์ ต่อมาได้กลายเป็นสำนักแม่ชี โดยมี แม่ชีชอ้อน พัวเจริญ เป็นเจ้าสำนัก กระทั่งปี พ.ศ.2549 ได้นิมนต์พระอาจารย์สุรินทร์ รตนโชโต มาเป็นเจ้าสำนักแล้วได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาจัดตั้งเป็นวัดป่าพุทธาราม

หลังถวายเทียนครบ 3 วัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คณะฯ ได้เดินทางมารับประทานอาหารกลางวันที่ “สวนอาหารมะม่วงคู่” โดยเป็นการเลี้ยงรับรองจาก ททท.สำนักงานราชบุรี

นางสาวปิยพัชร์ วงศ์โดยหวัง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานราชบุรี กล่าวต้อนรับคณะฯ และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดราชบุรี

หลังรับประทานอาหารกลางวันคณะฯ เดินทางต่อมายัง “ก่องกานท์ คาเฟ่” เป็นคาเฟ่ที่มีคอนเซ็ปต์เป็น “ฟาร์มคาเฟ่” โดยเอาวัตถุดิบที่มีอยู่ในสวนของตัวอง ทั้งผัก ผลไม้ ปลอดสารพิษ มาสร้างสรรค์เป็นเมนู ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และขนม นอกจากนี้ยังมีของฝาก รวมทั้งสินค้าชุมชนมาวางจำหน่ายด้วย

จากนั้นก็ได้เวลาไปลุยสวนผลไม้ โดยคณะฯ ได้แยกไป 2 สวน “ไร่พรหมรังษี” และ ”สวนนิลมังกร” เพลินเพลิดกับการทานทุเรียนหมอนทองที่มีรสชาติไม่แพ้ที่ใด สนุกกับการเก็บเงาะสดๆ จากต้น ชม ชิม แชะ และช้อป ผัก ผลไม้สดๆ รสอร่อยภายในไร่ ทั้งทุเรียนหมอนทอง เงาะหวานกรอบ มังคุด ฯลฯ

อิ่มบุญ อิ่มท้อง อิ่มใจ กันถ้วนหน้าแล้ว ก็ได้เวลากลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ