เที่ยวไทย 5 ภาค กาญจนบุรี @ บ้านอีต่อง-สังขละบุรี

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ บริษัท เมืองไทยครีเอทีฟ แอนด์ ทัวร์ จำกัด จัดกิจกรรม “เที่ยวไทย 5 ภาค กาญจนบุรี @ บ้านอีต่อง-สังขละบุรี” เมื่อวันที่ 22-24 กรกฎาคม 2565 โดยมีคณะนักท่องเที่ยวจากบริษัท เมืองไทย ครีเอทีฟ จำนวน 150 ท่าน เดินทางโดยรถตู้ปรับอากาศจำนวน 18 คัน รถส่วนตัว 6 คัน เส้นทาง กาญจนบุรี สวรรค์แดนตะวันตก @ “บ้านอีต่อง”เมืองเล็กๆ ดินแดนในฝัน ท่ามกลางม่านหมอก พักโฮมสเตย์กลางขุนเขาสัมผัสอากาศเย็น ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น ณ “เนินช้างศึก” ชม “น้ำตกจ๊อกกระดิ่น” น้ำตกกลางหุบเขาท่ามกลางผืนป่าธรรมชาติ ล่องเรือชมเมืองบาดาล(วัดใต้น้ำ) ตักบาตรสะพานมอญ สะพานไม้ที่ยาวที่สุด ชม “วัดวังวิเวการาม-เจดีย์พุทธคยา” สัมผัสธรรมชาติริมทาง “น้ำตกเกริงกระเวีย” ชมทางรถไฟสายมรณะ “ถ้ำกระแซ” และกราบสรีระสังขารหลวงปู่สาย “วัดท่าขนุน”

คณะนักท่องเที่ยวเริ่มต้นออกเดินทางจากอาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานใหญ่ โดยมี ผอ.ปิ่นนาถ เจริญผล ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มากล่าวต้อนรับคณะ

นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ดร.สุเทพ อารมณ์รักษ์ ประธานภาค สธทท. ผอ.ปิ่นนาถ เจริญผล ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ นายมานิต บุญฉิม ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาดท่องเที่ยวในประเทศ สธทท. รวมตีธงปล่อยคาราวานเที่ยวไทย 5 ภาค

จุดหมายปลายทางแรกคือ “วัดประชาราษฎร์บำรุง” (วัดรางหมัน) จ.นครปฐม โดยมี ผอ. ปิยพัชร์ วงศ์โดยหวัง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานราชบุรี รอให้การต้อนรับคณะนักท่องเที่ยว

จากนั้นคณะฯได้สักการะและร่วมฟังธรรมจาก “หลวงปู่แผ้ว ปวโร” พระเกจิชื่อดังแห่งวัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้รับการขนานนามว่า เทพเจ้าแห่งเมืองกำแพงแสน พระเถระผู้เปี่ยมด้วยเมตตา มากด้วยบารมี เป็นที่เลื่อมใสศรัทธา

“ถ้ำกระแซ” ตั้งอยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายมรณะอันเป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ชาวกาญจนบุรีไม่มีวันลืมเลือน ในอดีตเชื่อกันว่าถ้ำกระแซเคยเป็นที่พักของเชลยศึกที่ถูกกวาดต้อนมาสร้างทางรถไฟสายมรณะ ดังนั้นเมื่อมาเยือนถ้ำกระแซแล้ว ควรเริ่มด้วยการแวะสักการะขอพรหลวงพ่อถ้ำกระแซพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่คนท้องถิ่นบริเวณนั้นให้ความเคารพนับถือ จากนั้นชวนกันไปเดินชมวิวบนสะพานถ้ำกระแซซึ่งเป็นสะพานไม้เลียบหน้าผามีความยาวกว่า 450 เมตร และปิดท้ายด้วย การเดินย้อนรอยประวัติศาสตร์บนเส้นทางรถไฟสายมรณะยาว 400 เมตร และเส้นทางสายนี้ยังได้รับการกล่าวขานกันว่าเป็นจุดชมวิวแม่น้ำแควน้อยที่สวยที่สุดเลยทีเดียว

จากนั้นคณะเดินทางเข้าสู่ อ.สังขละบุรี ตลอดเส้นทางร่มรื่นไปด้วยต้นไม้

ถึง อ.สังขละบุรี เข้าเยี่ยมชม “วัดวังวิเวการาม” หรือ “วัดหลวงพ่ออุตตมะ” ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะร่วมกับชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2496 เป็นวัดที่ประกอบด้วยสถาปัตยกรรมไทย-มอญ-พม่า ที่งดงามซึ่งประกอบด้วย “ศาลาหลวงพ่ออุตตมะ” ภายในเป็นที่เก็บสังขารของหลวงพ่ออุตตมะซึ่งบรรจุอยู่ในปราสาท 9 ยอดเป็นศิลปะของไทยรามัญที่มีความสวยงาม “วิหารพระหินอ่อน” ซึ่งภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่ประมาณวิชัยชาวบ้านเรียกกันว่า”หลวงพ่อขาว” เป็นพระประธานในวิหารทำจากหินอ่อนทั้งองค์มีหน้าตัก 9 ศอกน้ำหนัก 9 ตันเป็นศิลปะประยุกต์

จากนั้นเดินทางไปยัง “เจดีย์พุทธคยา” ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้ริเริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 โดยจำลองมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยใช้แรงงานคนในชุมชนชายหญิงในหมู่บ้านประมาณ 400 คนก่อสร้างและเผาอิฐมอญขนาดกว้าง 4 นิ้วยาว 8 นิ้วหนา 3 นิ้วจำนวน 260,000 ก้อน

ช่วงเย็นมีงานเลี้ยงต้อนรับนักท่องเที่ยว โดย ผอ.สรียา บุญมาก ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี มากล่าวต้อนรับคณะ

ในงานเป็นไปอย่างสนุกสนานมีการร้องคาราโอเกะ และมีการทําเซอร์ไพรส์มอบเค้กวันเกิดให้กับผู้ที่มีวันเกินในเดือนนี้ด้วย

ช่วงเช้าเป็นกิจกรรมทำบุญใส่บาตร ณ สะพานมอญ

จากนั้นทำกิจกรรมล่องเรือชม “เมืองบาดาล” (วัดใต้น้ำ) ทั้ง 3 ประกอบด้วย วัดวังวิเวการาม วัดสมเด็จ และวัดศรีสุวรรณ อันเป็นตัวแทนของ 3 วัด 3 เชื้อชาติ ซึ่งสามารถสัมผัสได้ถึงความเจริญรุ่งเรือง และความงดงามของสถาปัตยกรรม ที่ถูกสร้างขึ้นและต้องถูกทิ้งร้างให้จมน้ำมากกว่า 20 ปี

แวะชมน้ำตก “น้ำตกเกริงกระเวีย”

“น้ำตกจ๊อกกระดิ่น” น้ำตกกลางหุบเขาท่ามกลางผืนป่าธรรมชาติ

ถึง “บ้านอีต่อง” เช็คอินเข้าที่พักโฮมสเตย์ จากนั้นคณะนักท่องเที่ยวเดินชมบรรยากาศยามเย็นหมู่บ้านอีต่องตามอัธยาศัย

ช่วงเช้านั่งรถท้องถิ่นไปชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น ณ “เนินช้างศึก” ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์จุดหนึ่งของชายแดนไทยพม่า เป็นที่ตั้งฐานของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 135 สถานที่ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,053 เมตรเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมองเห็นทิวทัศน์ได้ 360 องศา

ปิดท้ายด้วยเดินทางมากราบสรีระสังขารหลวงปู่สาย “วัดท่าขนุน” อิ่มบุญ อิ่มท้อง อิ่มใจ กันถ้วนหน้าแล้ว ก็ได้เวลากลับกรุงเทพโดยสวัสดิ์ภาพ พร้อมความประทับใจ