นั่งรถไฟ...ไปล่องแก่งหินเพิง

"แก่งหินเพิง" เป็นจุดหมายของนักล่องแก่งที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของเมืองไทย เป็นจุดล่องแก่งที่อยู่ใกล้กรุงเทพที่สุด ที่สำคัญสามารถเดินทางด้วยรถไฟ แบบไปเช้าเย็นกลับวันเดย์ทริปได้ด้วย สุดยอดมากๆ

วันเดย์ทริปเริ่มต้นออกเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ทานอาหารเช้าบนรถไฟ ถึงสถานีรถไฟกบินทร์บุรีมีรถของผู้ประกอบการล่องแก่งมารับ แวะไหว้วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิมอี่ทงเทียนไท้ หลังทานอาหารกลางวันไปตะลุยล่องแก่งหินเพิง กลับมาแวะถ่ายสตรีทอาร์ตหน้าสถานีรถไฟกบินทร์บุรีก่อนเดินทางกลับ

แต่ถ้าใครมีเวลาและยังอยากเที่ยวต่อก็พักค้างซักคืน แอดจะแนะนำที่เที่ยวเจ๋งๆ ของปราจีนบุรีต่อเลย สักการะพระพุทธที่ประดับด้วยหอยที่วัดล้านหอย “วัดรัตนเนตตาราม” ชมวิว “เขาอีโต้” ถ่ายรูปเช็คอิน “ตึกอภัยภูเบศร” ปิดท้ายด้วยการชม “พิพิธภัณฑ์ปราจีนบุรี”

สถานีรถไฟหัวลำโพงจุดเริ่มต้นของการเดินทางทริปนี้ ระหว่างรอเวลาเราก็เดินถ่ายรูปเล่นกับรถไฟกันก่อน

รถไฟออกจากหัวลำโพงประมาณเกือบๆ 8 โมง ทานอาหารเช้าบนรถไฟแบบชิลๆ ชมวิวไปด้วย

11 โมงเศษเรามาถึงสถานีรถไฟกบินทร์บุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ

ครั้งนี้เราเดินทางกันกลุ่มใหญ่ มีรถของผู้ประกอบการล่องแก่ง 2 รายมารับคือ ศักดิ์สุภารีสอร์ทกับวังตะพาบรีสอร์ท

รายชื่อผู้ประกอบการล่องแก่ง

แก่งหินเพิงริเวอร์ไซด์ 08-7135-5464

ภูริมนา 08-9993-7329

วังตะพาบรีสอร์ท09-4794-5444

ศักดิ์สุภารีสอร์ท 06-2524-9698

หินเพิงรีสอร์ท 08-9828-8127

แวะไหว้ “วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิมอี่ทงเทียนไท้” ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์กบินทร์บุรี เป็นวิหารที่จำลองแบบมาจากหอสักการะฟ้าเทียนถาน ในกรุงปักกิ่ง ภายในประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม

“องค์พระโพธิสัตว์กวนอิม” เป็นปางประทานพรประทับยืนบนหลังมังกร ถือแจกันน้ำและกิ่งหลิว แกะสลักจากหยกขาวประเทศพม่าโดยช่างชาวจีน มีความสูง 2.62 เมตร หนัก 2.8 ตัน ฐานบัวสูง 0.45 เมตร หนัก 0.78 ตัน ฐานมังกรสูง 1.02 เมตร หนัก 4.95 ตัน และฐานแปดเหลี่ยมสูง 0.91 เมตร หนัก 5.9 ตัน

ชั้นใต้ดินมี “เสารับพลัง” สามารถมากอดเสารับพลังจากองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมได้

เดินทางต่อมายัง “ศักดิ์สุภารีสอร์ท” รับประทานอาหารกลางวันและฟังบรรยายการล่องแก่ง

“ล่องแก่งหินเพิง” เริ่มต้นต้องมาที่ทำการอุทยานฯ เปลี่ยนชุดใส่เครื่องชูชีพ และถ่ายรูปหมู่ตามธรรมเนียม

จากนั้นก็ขึ้นรถไปยังจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินขึ้นสู่จุดลงเรือยาง ช่วงแรกเป็นถนนลาดยางประมาณ 300 เมตร จากนั้นก็เดินเข้าป่าระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

ระยะทางการล่องประมาณ 2.5 กิโลเมตร ผ่าน 6 แก่ง คือ แก่งหินเพิง แก่งผักหนามล้อม แก่งวังบอน แก่งลูกเสือ แก่งวังไทร และแก่งงูเห่า เวลาในการล่องแก่งขึ้นอยู่กับความแรงของน้ำซึ่งอยู่ประมาณ 30-45 นาที

จุดที่ถ่ายรูปนี้คือ แก่งลูกเสือ

"ล่องแก่งหินเพิง" ที่ระดับน้ำ 4.5 เป็นระดับน้ำที่ดีที่สุดสำหรับที่นี่ ถ้าน้ำสูงกว่านี้น้ำจะท่วมแก่งก็จะเหมือนนั่งเรือยางธรรมดา ถ้าน้ำต่ำกว่านี้เรือยางจะไหลเอื่อยลงความสนุกก็ลดลง

หลังล่องแก่งเสร็จเรากลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ศักดิ์สุภารีสอร์ท ทานของว่าง “ขนมเขียวแม่ปุก” ขนมซิกเนเจอร์ของจังหวัดปราจีนบุรี

เดินทางกลับไปยังสถานีรถไฟกบินทร์บุรี แวะถ่ายสตรีทอาร์ตหน้าสถานีรถไฟ

จบวันเดย์ทริป เดินทางกลับด้วยรถไฟไปยังสถานีรถไฟหัวลำโพง

แต่เรายังไม่กลับ!! หลังส่งเพื่อนๆขึ้นรถไฟเราเดินทางเข้าเมืองปราจีนมาทานอาหารเย็นร้าน “LA VILAS” ร้านอาหารเก๋ๆ อยู่ติดสถานีรถไฟปราจีนบุรี

เดินทางเข้าที่พัก “โรงแรมไอแรพบิท”

เช้านี้เรากลับมาที่สถานีรถไฟกบินทร์บุรี

ช่วงสายๆ จะที่แม่ค้านั่งรถไฟมาลงที่สถานีแห่งนี้เพื่อมาขายของที่ “ตลาดพระปรง” ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฯ

ทานอาหารเช้าร้าน “ศรีนวลชวนชิม” ร้านอาหารที่อยู่ในชุมชนใกล้สถานีรถไฟฯมานาน มีเมนูอาหารหลายอย่าง แต่ที่ซิกเนเจอร์ของที่นี่คือ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ใส่ปลาทาโร

จากนั้นเราก็มาถ่ายรูป “สตรีทอาร์ตวิถีเมืองกบินทร์” อีกซักรอบช่วงเช้าแสงดีๆ

ต่อกันที่ “วัดรัตนเนตตาราม” หรือ วัดล้านหอย ภายในวัดสิ่งก่อสร้างต่างๆ พระพุทธรูป มีการนำเปลือกหอยทะเลมาตบแต่ง ดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ กลายเป็นงานพุทธศิลป์จากเปลือกหอยหนึ่งเดียวในประเทศไทย

เมื่อวานเราได้ชิม “ขนมเขียวแม่ปุก” ขนมซิกเนเจอร์ของจังหวัดปราจีนบุรีกันมารอบนึงแล้ว เช้านี้เรามาบุกถึงร้านชมวิธีการทำและชิมของสดๆจากเตากัน

จากนั้นเรามากันที่ “เขาอีโต้” ชื่ออย่างเป็นทางการคือ “วนพุทธอุทยานน้ำตกเขาอีโต้" หรือ “ป่านันทนาการน้ำตกเขาอีโต้” สถานที่ซึ่งเป็นแนวภูเขาเขียวขจีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำตกเขาอีโต้

“พระพุทธทวารวดีศรีปราจีน สิรินธรโลกนาถ" ประดิษฐานอยู่บริเวณวนพุทธอุทยานโลกเขาอีโต้ เป็นศิลปะที่ถอดแบบจากพระพุทธรูปสมัยทวารวดี เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีขนาดหน้าตักกว้าง 14.9 เมตร สูง 34 เมตร ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองศูนย์รวมจิตใจของชาวปราจีนบุรี

“จุดชมวิวเขาหินซ้อน” เป็นผาหินที่มีหินทรายเป็นก้อนขนาดใหญ่วางเรียงรายซ้อนกัน สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองปราจีนบุรีด้านล่างได้ รวมถึงมองเห็นพื้นที่ศาลสมเด็จพระนเรศวร ค่ายทหารกองพันราบที่ 3 (กองพันเขาอีโต้)

“อ่างเก็บน้ำจักรพงษ์” เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ท่ามกลางความเป็นธรรมชาติโอบล้อมไปด้วยความเขียวขจีของป่าเขา มีมุมถ่ายภาพที่สวยงาม เกิดขึ้นจากโครงการตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำไว้ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ใช้ยามหน้าแล้ง

รับประทานอาหารกลางวัน “ร้านชมชล” ร้านอาหารอร่อยวิวดีติดแม่น้ำปราจีน มากินหลายครั้งจนจะกลายเป็นร้านประจำเมื่อมาเที่ยวจังหวัดปราจีนบุรี

มาเที่ยวจังหวัดปราจีนบุรีแล้วไม่มาถ่ายรูปเช็คอิน “ตึกอภัยภูเบศร” นี่เหมือนมาไม่ถึงนะ

ปิดท้ายกันที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี” เป็นพิพิธภัณฑสถานประเภทประวัติศาสตร์โบราณคดีประจำภูมิภาคตะวันออก จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสถานที่จัดแสดงและรวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่ได้จากแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ของภูมิภาคตะวันออกและพื้นที่ใกล้เคียง ในเขตจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรีและตราด จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพื้นที่ ตั้งแต่การเข้ามาตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ตั้งแต่ราวหมื่นปีมาแล้วจนกระทั่งถึงปัจจุบัน